ช่วงอายุเป็นตัวแปรที่สำคัญในการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งมีเกณฑ์ในการแบ่งเงินในการลงทุนออกเป็นส่วนๆ
ดังนี้
- อายุ 20 – 30 ปี จัดอยู่ในช่วงวัยรุ่น สามารถรองรับความเสี่ยงได้สูง
ไม่มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 100% ของเงินลงทุนทั้งหมด
- อายุ 30 – 40 ปี จัดอยู่ในช่วงต้นวัยทำงาน สามารถรองรับความเสี่ยงได้ปานกลาง
มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นน้อยลงประมาณ 50 – 80% ของเงินทุนทั้งหมด
และแบ่งไปลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าประมาณ 20 – 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด
- อายุ 40 – 60 ปี จัดอยู่ในช่วงกลางวัยทำงาน
สามารถรองรับความเสี่ยงได้น้อย มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว
รวมทั้งบุตรอยู่ในช่วงวัยเรียน ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ประมาณ 20 – 60% ของเงินลงทุนทั้งหมด
และแบ่งไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 40 – 80% ของเงินลงทุนทั้งหมด
- อายุ 60 ปีขึ้นไป จัดอยู่ในช่วงปลายวัยทำงาน
เข้าสู่วัยเกษียณ มาถึงตอนนี้ไม่สามารถรองรับความเสี่ยงได้แล้ว
ควรให้น้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ทั้งหมด 100% ของเงินลงทุนทั้งหมด
วิธีการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น
- แบ่งเงินสด 10% โดยประมาณของเงินเก็บมาเป็นเงินทุน
เพื่อที่ว่าหากพลาดพลั้งไป จะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่ได้
- เลือกลงทุนในหุ้นระยะสั้น , ระยะกลาง และระยะยาว
เพื่อการลงทุนที่หลากหลาย อาทิเช่น หุ้นพื้นฐานดีก็จริง แต่ใช้เวลานานกว่าราคาจะขยับ
และหุ้นบางตัวเล่นเคลื่อนไหวตามจังหวะเป็นรอบก็สามารถแบ่งมาลงทุนได้
- แบ่งเงินลงทุนเป็นหลายๆ ส่วน
อย่าลงทุนในหุ้นตัวเดียวทั้งหมด อาทิเช่น มีเงินลงทุน 100 บาท ลงทุนในหุ้น A
ทั้งหมด
100 บาท ปรากฏว่า หุุ้น A ตกลงมาเหลือ 90 บาท เป็นการขาดทุน 10% ภายในครั้งเดียว
หากแบ่งเงินลงทุน 100 บาท เลือกลงทุนในหุ้น A จำนวน 50 บาท
และเลือกลงทุนในหุ้น B จำนวน 50 บาท ปรากฏว่า หุ้น A ตกลงมาเหลือ 45 บาท แต่หุ้น B กลับขึ้นไป 55 บาท กลายเป็นการลงทุนที่เสมอทุน
- กระจายการลงทุนในหุ้นหลายกลุ่ม อาทิเช่น
หากเลือกลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่มเกษตร ปรากฏว่าช่วงปีนั้นน้ำท่วม ไม่สามารถเพาะปลูกได้
หุ้นที่ถืออยู่ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการขาดทุนสูง หากเลือกลงทุนส่วนหนึ่งในกลุ่มเกษตร
อีกส่วนในกลุ่มห้างสรรพสินค้า ปรากฏว่าช่วงปีนั้นน้ำท่วมไม่สามารถเพราะปลูกได้
แต่ประชาชนมีความต้องการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค เพื่อเตรียมรับภัยน้ำท่วม จนสินค้าในห้างสรรพสินค้าหมดสต็อก
เปลี่ยนจากความโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดีขึ้นมาบ้าง
- ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราเติบโตในธุรกิจสูง
โอกาสกำไรสูงตามด้วย อาทิเช่น จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น
ดังนั้นให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นโรงพยาบาล ซึ่งมองว่าอย่างน้อยก็เป็น 1 ใน ปัจจัย 4 ที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ หรือเลือกลงทุนในกลุ่มเครือข่ายมือถือ
เพราะปัจจุบันมองว่าโทรศัพท์บ้านมีความจำเป็นลดลงมาก
ประชาชนส่วนใหญ่ซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ส่วนตัวกันมากขึ้นทุกๆ ปี เป็นต้น
********************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น