วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน


      ช่วงอายุเป็นตัวแปรที่สำคัญในการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน  ซึ่งมีเกณฑ์ในการแบ่งเงินในการลงทุนออกเป็นส่วนๆ ดังนี้


Photobucket

      - อายุ 20 – 30 ปี จัดอยู่ในช่วงวัยรุ่น สามารถรองรับความเสี่ยงได้สูง ไม่มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 100% ของเงินลงทุนทั้งหมด

      - อายุ 30 – 40 ปี จัดอยู่ในช่วงต้นวัยทำงาน สามารถรองรับความเสี่ยงได้ปานกลาง มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นน้อยลงประมาณ 50 – 80% ของเงินทุนทั้งหมด และแบ่งไปลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าประมาณ 20 – 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด

      - อายุ 40 – 60 ปี จัดอยู่ในช่วงกลางวัยทำงาน สามารถรองรับความเสี่ยงได้น้อย มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว รวมทั้งบุตรอยู่ในช่วงวัยเรียน ควรให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ประมาณ 20 – 60% ของเงินลงทุนทั้งหมด และแบ่งไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 40 – 80% ของเงินลงทุนทั้งหมด

      - อายุ 60 ปีขึ้นไป จัดอยู่ในช่วงปลายวัยทำงาน เข้าสู่วัยเกษียณ มาถึงตอนนี้ไม่สามารถรองรับความเสี่ยงได้แล้ว ควรให้น้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ทั้งหมด 100% ของเงินลงทุนทั้งหมด


      วิธีการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น


Photobucket

      - แบ่งเงินสด 10% โดยประมาณของเงินเก็บมาเป็นเงินทุน เพื่อที่ว่าหากพลาดพลั้งไป จะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่ได้

      - เลือกลงทุนในหุ้นระยะสั้น , ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อการลงทุนที่หลากหลาย อาทิเช่น หุ้นพื้นฐานดีก็จริง แต่ใช้เวลานานกว่าราคาจะขยับ และหุ้นบางตัวเล่นเคลื่อนไหวตามจังหวะเป็นรอบก็สามารถแบ่งมาลงทุนได้

      - แบ่งเงินลงทุนเป็นหลายๆ ส่วน อย่าลงทุนในหุ้นตัวเดียวทั้งหมด อาทิเช่น มีเงินลงทุน 100 บาท ลงทุนในหุ้น A ทั้งหมด 100 บาท ปรากฏว่า หุุ้น A ตกลงมาเหลือ 90 บาท เป็นการขาดทุน 10% ภายในครั้งเดียว หากแบ่งเงินลงทุน 100 บาท เลือกลงทุนในหุ้น A จำนวน 50 บาท และเลือกลงทุนในหุ้น B จำนวน 50 บาท ปรากฏว่า หุ้น A ตกลงมาเหลือ 45 บาท แต่หุ้น B กลับขึ้นไป 55 บาท กลายเป็นการลงทุนที่เสมอทุน

      - กระจายการลงทุนในหุ้นหลายกลุ่ม อาทิเช่น หากเลือกลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่มเกษตร ปรากฏว่าช่วงปีนั้นน้ำท่วม ไม่สามารถเพาะปลูกได้ หุ้นที่ถืออยู่ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการขาดทุนสูง หากเลือกลงทุนส่วนหนึ่งในกลุ่มเกษตร อีกส่วนในกลุ่มห้างสรรพสินค้า ปรากฏว่าช่วงปีนั้นน้ำท่วมไม่สามารถเพราะปลูกได้ แต่ประชาชนมีความต้องการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค เพื่อเตรียมรับภัยน้ำท่วม จนสินค้าในห้างสรรพสินค้าหมดสต็อก เปลี่ยนจากความโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดีขึ้นมาบ้าง

      - ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราเติบโตในธุรกิจสูง โอกาสกำไรสูงตามด้วย อาทิเช่น จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ดังนั้นให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นโรงพยาบาล ซึ่งมองว่าอย่างน้อยก็เป็น 1 ใน ปัจจัย 4 ที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ หรือเลือกลงทุนในกลุ่มเครือข่ายมือถือ เพราะปัจจุบันมองว่าโทรศัพท์บ้านมีความจำเป็นลดลงมาก ประชาชนส่วนใหญ่ซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ส่วนตัวกันมากขึ้นทุกๆ ปี เป็นต้น



********************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น