วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ช่วงราคา (Spread Price)


       การเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคาหุ้นเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งหุ้นที่ขึ้นลงแต่ละช่องนั้นขึ้นอยู่กับช่วงราคา (Spread Price) ในระดับราคาของหุ้นตัวนั้น อาทิเช่น ราคาหุ้นต่ำกว่า 2 บาทมีช่วงราคาขึ้นลง ไม่เท่ากับราคาหุ้นที่มากกว่า 2 บาท เป็นต้น

       ดังนั้นนักลงทุนจึงควรศึกษาเรื่องช่องราคาอย่างเข้าใจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการซื้อขายหุ้นได้อย่างเต็มที่




********************************************************************************


ตัวอย่างระดับราคาหุ้น และช่วงราคาขึ้นลง




ตัวอย่าง หุ้น TCC ราคา 2 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 2 บาท ถึง 5 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 2.02 (เพิ่มขึ้น 0.02 บาท) คิดเป็น 1%

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 2.04 (เพิ่มขึ้น 0.04 บาท) คิดเป็น 2%


เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นน้อยกว่า 2 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 1.99 (ลดลง 0.01 บาท) คิดเป็น 0.5%

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 1.98 (ลดลง 0.02 บาท) คิดเป็น 1.0%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น TCC ราคา 2 บาท
       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 1% หากราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง จะขาดทุน 1% ส่วนต่างของช่วงกำไรมากกว่าส่วนต่างของช่วงขาดทุนถึง 1 เท่าตัว

* หุ้นในตลาดที่ราคาต่ำสุด คือ 0.01 ซึ่งไม่สามารถลงต่ำกว่าราคานี้ได้อีกแล้ว ยกเว้นถูกถอดหุ้นออกจากตลาด หากราคาเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 100% หรือ 1 เท่าตัวกันเลยทีเดียว


********************************************************************************




ตัวอย่าง วอแรนต์ EARTH-W3 ราคา 5 บาท เป็นระดับราคาวอแรนต์ในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาวอแรนต์เพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาวอแรนต์ตั้งแต่ 5 บาท ถึง 10 บาท

       - หากระดับราคาวอแรนต์เพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาวอแรนต์เท่ากับ 5.05 (เพิ่มขึ้น 0.05 บาท) คิดเป็น 1%

       หากระดับราคาวอแรนต์เพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาวอแรนต์เท่ากับ 5.10 (เพิ่มขึ้น 0.10 บาท) คิดเป็น 2%


เมื่อราคาวอแรนต์ลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาวอแรนต์ตั้งแต่ 2 บาท ถึง 5 บาท

       - หากระดับราคาวอแรนต์ลดลง 1 ช่อง ราคาวอแรนต์เท่ากับ 4.98 (ลดลง 0.02 บาท) คิดเป็น 0.4%

       หากระดับราคาวอแรนต์ลดลง 2 ช่อง ราคาวอแรนต์เท่ากับ 4.96 (ลดลง 0.04 บาท) คิดเป็น 0.8%


สรุปจากตัวอย่าง วอแรนต์ EARTH-W3 ราคา 5 บาท
       หากราคาวอแรนต์เพิ่มขึ้น 2 ช่อง จะได้กำไร 2% หากราคาวอแรนต์ลดลง 5 ช่อง จะขาดทุน 2% ส่วนต่างของช่วงกำไรมากกว่าส่วนต่างของช่วงขาดทุนหลายเท่าตัว


********************************************************************************




ตัวอย่าง หุ้น CTARAF ราคา 10 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 10 บาท ถึง 25 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 10.1 (เพิ่มขึ้น 0.1 บาท) คิดเป็น 1%

       หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 10.2 (เพิ่มขึ้น 0.2 บาท) คิดเป็น 2%


เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 5 บาท ถึง 10 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 9.95 (ลดลง 0.05 บาท) คิดเป็น 0.5%

       หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 9.90 (ลดลง 0.10 บาท) คิดเป็น 1.0%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น CTARAF ราคา 10 บาท

       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 1% หากราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง จะขาดทุน 1% ส่วนต่างของช่วงกำไรมากกว่าส่วนต่างของช่วงขาดทุนถึง 1 เท่าตัว


********************************************************************************




ตัวอย่าง หุ้น JUBILE ราคา 25 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 25 บาท ถึง 100 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 25.25 (เพิ่มขึ้น 0.25 บาท) คิดเป็น 1%

       หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 25.50 (เพิ่มขึ้น 0.50 บาท) คิดเป็น 2%


เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 10 บาท ถึง 25 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 24.9 (ลดลง 0.1 บาท) คิดเป็น 0.4%

       หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 24.8 (ลดลง 0.2 บาท) คิดเป็น 0.8%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น JUBILE ราคา 25 บาท
       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง จะได้กำไร 2% หากราคาหุ้นลดลง 5 ช่อง จะขาดทุน 2% ส่วนต่างของช่วงกำไรมากกว่าส่วนต่างของช่วงขาดทุนหลายเท่าตัว


********************************************************************************



ตัวอย่าง หุ้น DTAC ราคา 100 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 100 บาท ถึง 200 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 100.5 (เพิ่มขึ้น 0.5 บาท) คิดเป็น 0.5%

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 101  (เพิ่มขึ้น 1 บาท) คิดเป็น 1%

เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 25 บาท ถึง 100 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 99.75 (ลดลง 0.25 บาท) คิดเป็น 0.25%

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 99.50 (ลดลง 0.5 บาท) คิดเป็น 0.50%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น DTAC ราคา 100 บาท
       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 0.5% หากราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง จะขาดทุน 0.5%

* ถึงแม้ส่วนต่างของช่วงกำไรจะน้อยแค่ 0.5% ต่อ 1 ช่อง ช่วงตลาดขาลง ช่วงราคาที่ลดลงในแต่ละช่อง คิดเป็น % น้อยกว่าหุ้นในระดับราคาอื่นๆ


********************************************************************************



ตัวอย่าง หุ้น KBANK ราคา 200 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 200 บาท ถึง 400 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 201 (เพิ่มขึ้น 1 บาท) คิดเป็น 0.5%

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 202  (เพิ่มขึ้น 2 บาท) คิดเป็น 1%

เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 100 บาท ถึง 200 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 199.5 (ลดลง 0.5 บาท) คิดเป็น 0.25%

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 199 (ลดลง 1 บาท) คิดเป็น 0.50%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น KBANK ราคา 200 บาท
       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 0.5% หากราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง จะขาดทุน 0.5%

* ถึงแม้ส่วนต่างของช่วงกำไรจะน้อยแค่ 0.5% ต่อ 1 ช่อง ช่วงตลาดขาลง ช่วงราคาที่ลดลงในแต่ละช่อง คิดเป็น % น้อยกว่าหุ้นในระดับราคาอื่นๆ


********************************************************************************



ตัวอย่าง หุ้น SCC ราคา 400 บาท เป็นระดับราคาหุ้นในช่วงคาบเกี่ยว

เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นมากกว่า 400 บาทขึ้นไป

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 402 (เพิ่มขึ้น 2 บาท) คิดเป็น 0.5%

       - หากระดับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 404  (เพิ่มขึ้น 4 บาท) คิดเป็น 1%

เมื่อราคาหุ้นลดลง เข้าเงื่อนไขระดับราคาหุ้นตั้งแต่ 200 บาท ถึง 400 บาท

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 1 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 399 (ลดลง 1 บาท) คิดเป็น 0.25%

       - หากระดับราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง ราคาหุ้นเท่ากับ 398 (ลดลง 2 บาท) คิดเป็น 0.50%


สรุปจากตัวอย่าง หุ้น SCC ราคา 400 บาท
       หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1 ช่อง จะได้กำไร 0.5% หากราคาหุ้นลดลง 2 ช่อง จะขาดทุน 0.5%

* ถึงแม้ส่วนต่างของช่วงกำไรจะน้อยแค่ 0.5% ต่อ 1 ช่อง ช่วงตลาดขาลง ช่วงราคาที่ลดลงในแต่ละช่อง คิดเป็น % น้อยกว่าหุ้นในระดับราคาอื่นๆ


********************************************************************************


1 ความคิดเห็น: